กีฬากอล์ฟเป็นกีฬาที่ต้องใช้ความแม่นยำ ทักษะ และอุปกรณ์ที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม กฎและข้อบังคับเกี่ยวกับไม้กอล์ฟจึงถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการแข่งขันนั้นมีมาตรฐานและไม่ก่อให้เกิดความได้เปรียบที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้เล่นคนอื่น ๆ กฎเหล่านี้ถูกกำหนดโดยองค์กรที่มีอำนาจ เช่น R&A และ USGA ซึ่งเป็นสององค์กรหลักที่กำกับดูแลกีฬากอล์ฟทั่วโลก
ไม้กอล์ฟที่ใช้ในการแข่งขันต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎกอล์ฟ โดยทั่วไปแล้วนักกอล์ฟสามารถพกไม้กอล์ฟได้สูงสุด 14 ไม้ในกระเป๋า หากผู้เล่นมีไม้กอล์ฟเกินจำนวนที่กำหนด จะต้องถูกปรับโทษตามกฎของการแข่งขัน ซึ่งในกรณีของการแข่งขันแบบสโตรกเพลย์ ผู้เล่นจะถูกหักสองสโตรกต่อหลุมที่ใช้ไม้เกิน แต่ไม่เกินสี่สโตรกโดยรวม ส่วนในแมตช์เพลย์ ผู้เล่นจะถูกลงโทษด้วยการปรับให้แพ้หลุมนั้น ๆ
ไม้กอล์ฟที่ผ่านการรับรองจะต้องมีลักษณะของหน้าไม้
การตรวจสอบจำนวนไม้กอล์ฟก่อนเริ่มรอบจึงเป็นสิ่งสำคัญที่นักกอล์ฟต้องทำเสมอเพื่อป้องกันการถูกลงโทษมาตรฐานของไม้กอล์ฟถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน รวมถึงขนาด ความยาว และวัสดุที่ใช้ทำหัวไม้กอล์ฟและก้านไม้กอล์ฟ ไม้กอล์ฟจะต้องมีความยาวไม่เกิน 48 นิ้ว ยกเว้นพัตเตอร์ที่อาจได้รับข้อยกเว้นในบางกรณี นอกจากนี้ มุมหน้าไม้ หรือที่เรียกว่าลอฟต์ ก็ต้องอยู่ในช่วงที่กำหนดเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีผู้เล่นคนใดได้เปรียบจากอุปกรณ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ไม้กอล์ฟที่ผ่านการรับรองจะต้องมีลักษณะของหน้าไม้ที่เป็นไปตามข้อกำหนดของ COR (Coefficient of Restitution) ซึ่งเป็นค่าที่ใช้วัดการส่งผ่านพลังงาน
ระหว่างหน้าไม้กับลูกกอล์ฟ หากค่า COR สูงเกินไป ไม้กอล์ฟนั้นจะถูกห้ามใช้ในการแข่งขัน เพราะจะทำให้ลูกกอล์ฟมีความเร็วสูงเกินไปและเกิดความได้เปรียบที่ไม่เป็นธรรมนอกจากนี้ รูปแบบของร่องบนหน้าไม้กอล์ฟหรือที่เรียกว่า “Grooves” ก็เป็นอีกหนึ่งข้อกำหนดที่สำคัญ USGA และ R&A ได้มีการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดเกี่ยวกับร่องบนหน้าไม้ โดยเฉพาะร่องแบบ U-groove ซึ่งสามารถสร้างสปินได้มากเกินไป
การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลบังคับใช้ในระดับการแข่งขัน
ทำให้ผู้เล่นสามารถควบคุมลูกได้ง่ายกว่าปกติ ข้อบังคับใหม่กำหนดให้ใช้ร่องแบบ V-groove ซึ่งช่วยลดสปินของลูกกอล์ฟ ทำให้การแข่งขันมีความสมดุลมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลบังคับใช้ในระดับการแข่งขันอาชีพตั้งแต่ปี 2010 และในระดับสมัครเล่นอาจมีระยะเวลาผ่อนผันอีกหนึ่งข้อกำหนดที่นักกอล์ฟควรให้ความสำคัญคือการดัดแปลงหรือเปลี่ยนแปลงไม้กอล์ฟระหว่างรอบการแข่งขัน ในการแข่งขัน นักกอล์ฟไม่ได้รับอนุญาต
ให้เปลี่ยนแปลงไม้กอล์ฟของตนเอง ยกเว้นในกรณีที่ไม้กอล์ฟพรีเมียมได้รับความเสียหายจากปัจจัยภายนอก เช่น ถูกชนหรือเสียหายจากสภาพอากาศ แต่หากไม้กอล์ฟเสียหายเนื่องจากการใช้งานของนักกอล์ฟเอง เช่น หงุดหงิดแล้วโยนไม้กอล์ฟจนหัก นักกอล์ฟจะไม่ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนไม้กอล์ฟและต้องเล่นต่อไปโดยไม่มีไม้กอล์ฟนั้นหรือซ่อมแซมเฉพาะในลักษณะที่ไม่เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติเดิมของไม้กอล์ฟ

รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.nakaraluxurious.com/